สารสกัดจากส้ม แก้วมังกร มะขาม กล้วยมีประโยชน์อย่างไรบ้าง
สารสกัดจากส้ม แก้วมังกร มะขาม กล้วยมีประโยชน์อย่างไรบ้าง
ประโยชน์ของส้ม
ส้มเป็นผลไม้ที่มีรสเปรี้ยวอมหวานสามารถนำมาทำเครื่องดื่มให้ความสดชื่นกับร่างกายได้ นอกจากนี้ส้มยังมีคุณค่าทางอาหารไม่น้อยและประโยชน์อีกหลากหลายอย่าง จึงสามารถบอกได้ว่าส้มเป็นผลไม้สารพัดประโยชน์
เรามาดูกันดีกว่า ประโยชน์ของส้มนั้นมีอะไรบ้าง
1. ผลไม้แก้ท้องผูก
ส้มเป็นหนึ่งในผลไม้แก้ท้องผูกได้ เพราะมีใยอาหารสูง ช่วยในระบบย่อยอาหารและการขับถ่าย โดยกินส้ม 1 ผลใหญ่ก็จะได้ใยอาหาร 2.0 กรัม
2. กระตุ้นภูมิคุ้มกันร่างกาย
ส้มมีวิตามินซีไม่น้อย จึงทำให้ส้มจัดเป็นผลไม้กระตุ้นภูมิคุ้มกันร่างกาย ช่วยป้องกันอาการป่วย ไปจนถึงอาการป่วยที่หนักหนาได้ เพราะเมื่อร่างกายมีภูมิคุ้มกันที่ดี เราก็จะป่วยยาก เชื้อโรคและไวรัสต่างๆ
ก็มีโอกาสจู่โจมเราได้น้อยนั่นเอง
3. ปรับสมดุลระดับน้ำตาลในเลือด
น้ำตาลฟรุกโตสในเนื้อส้มมีส่วนช่วยให้ระดับน้ำตาลในเลือดไม่พุ่งสูงหลังจากกินส้มเข้าไป อีกทั้งไฟเบอร์ในส้มยังช่วยให้ร่างกายควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้อีกทาง จึงจัดว่าส้มเป็นผลไม้ช่วยคุมระดับน้ำตาลในเลือดอีกชนิดหนึ่ง
4. ช่วยลดความดันโลหิต
ส้มเป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วยโพแทสเซียม และยังมีปริมาณโซเดียมค่อนข้างต่ำ จึงช่วยในกระบวนการไหลเวียนโลหิตได้ดี ทำให้ร่างกายควบคุมความดันโลหิตได้อย่างสมดุล และยังช่วยลดความดันเลือดในคนที่เป็นโรคความดันโลหิตสูงด้วยนะคะ
5. ลดคอเลสเตอรอลในเลือด
ในเนื้อส้มเองก็ไม่มีคอเลสเตอรอล ขณะที่วิตามินซีและสารต้านอนุมูลอิสระที่มีในเนื้อส้มก็ยังมีส่วนช่วยลดคอเลสเตอรอลในเลือดได้ โดยสารต้านอนุมูลอิสระจะเข้าไปปกป้องหลอดเลือดไม่ให้อนุมูลอิสระเข้ามาเกาะ
และก่อให้เกิดไขมันพอกพูนไปเรื่อย ๆ จนก่อโรคไม่ติดต่อเรื้อรังอย่างโรคหลอดเลือดหัวใจ และโรคหัวใจ เป็นต้น
6. ส้มช่วยบำรุงผิว
สารต้านอนุมูลอิสระผสานกับพลังแห่งวิตามินซีมีส่วนช่วยปกป้องเซลล์ผิวจากการถูกแสงแดดทำร้าย ปกป้องผิวจากมลพิษ ช่วยลดการเกิดริ้วรอย และช่วยบำรุงเซลล์ผิวให้แข็งแรง ทำให้ผิวดูกระชับตึงมากขึ้น
เนื่องจากวิตามินซีเป็นสารตั้งต้นของคอลลาเจนนั่นเอง
ไม่เพียงแต่เนื้อส้มและน้ำส้มเท่านั้นที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพของเรา แต่อย่างที่บอกไว้ในตอนแรกนะคะว่าส้มมีประโยชน์ไปยันเปลือกเลยค่ะ
ประโยชน์ของแก้วมังกร
เชื่อว่าหลายคนรู้จักผลไม้ที่ชื่อว่า แก้วมังกร กันอยู่แล้ว แต่อาจจะยังไม่รู้ว่ามันมีประโยชน์อะไรบ้าง วันนี้เราจะมาบอกประโยชน์ของแก้วมังกร มาฝากทุกๆ คนให้หายสงสัยกันแล้ว มีอะไรบ้างไปดูกันเลย
ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จัก แก้วมังกร กันอีกสักนิด
แก้วมังกร เป็น ผลไม้ที่มีถิ่นกำเนิดในแถบอเมริกากลาง จัดเป็นไม้ในตระกูลกระบองเพชร แหล่งเพาะปลูกที่สำคัญจะอยู่ที่จังหวัดจันทบุรี ชลบุรี กาญจนบุรี สระบุรี และสมุทรสงคราม ซึ่งได้ผลผลิตมาก
ในช่วงเดือนมีนาคมถึงเดือนพฤศจิกายน โดยเป็น ผลไม้ที่มีรูปร่างกลมรี เปลือกมีสีแดง เมื่อผ่าครึ่งจะเห็นเนื้อเป็นสีขาวหรือแดง ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์นั้นๆ มีเมล็ดคล้ายเมล็ดแมงลักฝังอยู่ทั่วผล
- แก้วมังกร พันธุ์เนื้อขาวเปลือกแดง ที่จะให้รสชาติหวานนิดๆ อมเปรี้ยวหน่อย ๆ
- แก้วมังกรพันธุ์เนื้อขาวเปลือกเหลือง จะให้รสชาติออกหวาน
- แก้วมังกรพันธุ์เนื้อแดงเปลือกแดง ที่มีรสชาติหวานกว่าพันธุ์อื่นๆ
กินแก้วมังกรแล้วดีอย่างไร เรามาดูประโยชน์ของมันกัน
- ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระในร่างกายซึ่งมีส่วนช่วยในการชะลอวัยความแก่ชราและช่วยลดริ้วรอยต่างได้ ๆ
- ช่วยบำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่ง สดใส ชุ่มชื่น
- ช่วยป้องกันการอุดตันของหลอดเลือดหัวใจ
- มีส่วนช่วยป้องกันการเกิดโรคหัวใจ
- ช่วยบรรเทาอาการของโรคความดันโลหิต
- มีส่วนช่วยบรรเทาอาการของโรคโลหิตจาง
- มีส่วนในการช่วยรักษาโรคเบาหวาน
- มีส่วนช่วยลดอัตราการเกิดโรคมะเร็ง
- เป็นผลไม้ที่ช่วยดับร้อน ดับกระหายได้เป็นอย่างดี
- แก้วมังกรลดน้ำหนักและช่วยควบคุมน้ำหนักได้ด้วยเนื่องจากเป็นผลไม้ที่ช่วยเรื่องการลดความอ้วนเนื่องจากมีแคลอรีต่ำ
มะขาม มีประโยชน์ยังไง ส่วนไหนบ้าง
ไม่ว่าจะเนื้อมะขาม ใบมะขาม หรือแม้กระทั่งเมล็ดมะขาม ก็ล้วนมีสรรพคุณดีต่อสุขภาพ ตามนี้เลย
1. ช่วยกระตุ้นการขับถ่าย
ในเนื้อมะขามมีกรดอินทรีย์ที่มีฤทธิ์เป็นยาระบายอ่อนๆ สามารถทำเป็นน้ำมะขามดื่มแก้ท้องผูกได้ โดยนำมะขามเปียกผสมกับน้ำอุ่น 1 แก้ว ละลายให้เข้ากัน แค่นี้ก็ได้สูตรระบายท้องทำง่ายๆ แล้ว
2. แก้ไอ ขับเสมหะ
มะขามเป็นสมุนไพรที่มีวิตามินซีสูง และยังมีสารสำคัญอย่างกรดทาร์ทาริก (Tartaric acid) ซึ่งมีสรรพคุณบรรเทาอาการไอ กระตุ้นการหลั่งน้ำลายและขับเสมหะ แถมยังช่วยบรรเทาอาการอักเสบ
รักษาหวัด และขับเหงื่อ โดยจะกินมะขามจิ้มเกลือหรือจะทำน้ำมะขามดื่มก็แล้วแต่ชอบเลย
3. ป้องกันและรักษาโรคเลือดออกตามไรฟัน
วิตามินซีเป็นวิตามินที่ช่วยป้องกันและรักษาอาการเลือดออกตามไรฟัน ซึ่งในเนื้อมะขามฝักอ่อนมีวิตามินซีอยู่ประมาณ 44 มิลลิกรัม ต่อ 100 กรัม ส่วนในเนื้อมะขามเปียกจะมีวิตามินซีราวๆ 13 มิลลิกรัม
ต่อ 100 กรัม สามารถกินเพิ่มวิตามินซีให้ร่างกายได้ทุกวัน เพื่อช่วยป้องกันโรคเลือดออกตามไรฟัน และยังช่วยเรื่องขับถ่ายได้อีก
4. บำรุงกระดูกและฟัน
มะขามจัดเป็นอาหารแคลเซียมสูงชนิดหนึ่งเลยล่ะค่ะ ไม่ว่าจะเป็นยอดอ่อน ฝักอ่อน หรือมะขามเปียก ในปริมาณ 100 กรัม ก็มีแคลเซียมอยู่ที่ 14, 429 และ 314 มิลลิกรัม ตามลำดับ มะขามจึงมีสรรพคุณ
ช่วยบำรุงกระดูกและฟันไปด้วยในตัว
5. สารต้านอนุมูลอิสระสูง
คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ทำการศึกษาและพบว่า ในเปลือกหุ้มเมล็ดมะขามมีสารต้านอนุมูลอิสระ และมีสารประกอบฟีนอลิกในปริมาณสูง โดยสารสกัดจากเปลือกหุ้มเมล็ดมะขามมีฤทธิ์ต้านออกซิเดชั่น
ได้ดีกว่าวิตามินอี 3.14 เท่า นอกจากนี้ยังมีสรรพคุณยับยั้งอนุมูลอิสระได้ร้อยละ 50 ซึ่งถือว่ามีสารต้านอนุมูลอิสระสูง และดีต่อสุขภาพอย่างน่าสนใจ แต่ทั้งนี้ก็ควรจำกัดปริมาณสารสกัดเปลือกหุ้มเมล็ดมะขามให้อยู่ในปริมาณ
300 มิลลิกรัมต่อวัน หรือประมาณ 1 แคปซูล ไม่ควรกินมากไปกว่านี้
6. ผลัดเซลล์ผิวเก่า เผยเซลล์ผิวใหม่
มะขามมี AHA ค่อนข้างสูง และถ้าเรานำมะขามเปียกมาขัดผิว เส้นใยในเนื้อมะขามจะช่วยทำความสะอาดและผลัดเซลล์ผิวเก่าออกไป ส่วน AHA ก็จะช่วยบำรุงผิวให้ขาวกระจ่างใส โดยสูตรมะขามขัดผิวก็มีอยู่หลายสูตรด้วยกัน
ลองเลือกสูตรที่ง่ายและสะดวกได้เลย
ประโยชน์ของมะขามไม่ธรรมดาเลยเนอะ และเรายังกินมะขามได้หลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นของกินเล่น เครื่องดื่มเย็นชื่นใจ หรือเป็นเมนูอาหาร และซอสต่างๆ เรียกได้ว่ามีมะขามติดบ้านไว้ ยังไงก็ดีแหละ
ประโยชน์ของกล้วย
ของกล้วยๆ แต่ประโยชน์ไม่กล้วย และอาจเป็นโทษต่อร่างกายหากกินไม่ถูกวิธี
“กล้วย” นับเป็นผลไม้ที่อยู่คู่คนไทยมานาน เป็นทั้งอาหารเด็ก อาหารกลางวันนักเรียน ผลไม้ให้พลังงานนักกีฬา ของหวานของผู้ใหญ่ ไปจนถึงผลไม้นิ่มๆ เคี้ยวง่ายของผู้สูงอายุ นอกจากรสชาติอร่อยหวานหอม
จนสามรถนำมารับประทานได้ทั้งแบบสดๆ และแปรรูปเป็นสารพัดขนมแล้ว ยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมายอีกด้วย
ประโยชน์ของ “ กล้วย ”
1.ลดระดับคลอเรสเตอรอล
เนื่องจากกล้วยเป็นผลไม้ที่มีกากใยอาหารอย่างพอเหมาะ จึงทำให้กล้วยมีส่วนช่วยในการควบคุมระดับคอเลสเตอรอลไม่ให้สูงเกินไป ซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยที่จะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคอื่นๆ ตามมา เช่น
โรคเบาหวาน และโรคหลอดเลือดหัวใจ เป็นต้น
2. ผลไม้ของคน ลดน้ำหนัก
กล้วย เป็นอาหารที่รับประทานแล้วอิ่มเร็ว อยู่ท้อง และให้พลังงานกับร่างกายได้เป็นอย่างดี แต่อย่างไรก็ตาม กล้วยเป็นผลไม้ที่มีน้ำตาล และยังไม่มีรายงานวิจัยไหนยืนยันว่าช่วยลดน้ำหนักได้
จึงควรบริโภคอย่างพอเหมาะ ควบคู่ไปกับการออกกำลังกาย
3. ควบคุมความดันโลหิต
สารโพแทสเซียมที่พบในกล้วยจะช่วยให้ร่างกายขับโซเดียมออกมาทางปัสสาวะได้มากขึ้น ส่งผลดีต่อระดับความดันโลหิตที่ลดลงตามไปด้วย
4. ลดอาการท้องเสีย
เส้นใยอาหารที่ย่อยง่ายของกล้วย ช่วยลดอาการท้องเสียได้ เพราะกล้วยมีคาร์โบไฮเดรตที่ร่างกายไม่สามารถย่อยสลายได้ เป็นแหล่งอาหารของเหล่าจุลินทรีย์โปรไบโอติก ซึ่งเป็นแบคทีเรียชนิดดีที่พบในลำไส้
ช่วยลดอาการท้องเสีย ที่เป็นผลข้างเคียงที่เกิดจากการรับประทานยาปฏิชีวนะบางชนิดได้ด้วย
5. แ้อาการท้องอืด
คาร์โบไฮเดรตที่ร่างกายไม่สามารถย่อยสลายได้ที่อยู่ในกล้วย ที่เป็นแหล่งอาหารชั้นดีของจุลินทรีย์โปรไบโอติกในลำไส้ นอกจากจะช่วยลดความเสี่ยงอาการท้องเสียแล้ว ยังรวมถึงปัญหาท้องอืดท้องเฟ้อได้อีกด้วย
6.ดีต่อสุขภาพร่างกายแข็งแรง
กล้วย มีธาตุเหล็กที่ดีต่อสุขภาพของคนที่มีอาการโลหิตจาง เพราะการเพิ่มธาตุเหล็กในร่างกายจะช่วยเพิ่มการสร้างเม็ดเลือดแดงได้ แต่ทั้งนี้ก็ไม่ได้หมายความว่ากล้วยจะช่วยรักษาโรคโลหิตจางได้แต่อย่างใด